เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการอาเซียนประจำกรุงซันติอาโก (ASEAN Committee in Santiago – ACS) ซึ่งประกอบด้วยสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามร่วมกับสถาบันศึกษาการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยชิลี (Universidad de Chile) ได้จัดการเสวนาในหัวข้อ “ความสัมพันธ์อาเซียน-ชิลี: มุมมองเชิงกลยุทธ์ต่อทิศทางความร่วมมือในอนาคต” เนื่องในโอกาสวาระครบรอบ 58 ปี การก่อตั้งอาเซียน ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ โดยมีคณะผู้แทนทางการทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน ผู้แทนระดับสูงและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนชิลีที่มีความร่วมมือกับอาเซียน และคณะอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิลี เข้าร่วมประมาณ 60 คน
นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ในฐานะประธาน ACS ดร. Dorotea López ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาการต่างประเทศ และนาย Ignacio Fernández ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมการค้าชิลี (ProChile) ได้ร่วมกล่าวเปิดการเสวนา โดยเอกอัครราชทูตวิมลพัชระฯ ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในการส่งเสริมความร่วมมือภายในภูมิภาค เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมที่เข้มแข็ง มีนวัตกรรม มีพลวัตและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 (ASEAN Vision 2045: Our Shared Future) และย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างอาเซียน-ชิลี ตลอดจนได้แสดงมุมมองของไทยเกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความยั่งยืน
สำหรับการเสวนา ประกอบด้วยการแสดงข้อคิดเห็นของแขกรับเชิญพิเศษ 3 คน ได้แก่ (1) นาย Sergio Narea Guzmán อธิบดีกรมเอเชียแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศชิลี กล่าวถึงความเป็นมาและมุมมองของชิลีในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน (2) ดร. Andrés Bórquez อาจารย์ผู้ประสานงานโครงการเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยชิลี กล่าวเรื่องโอกาสทางยุทธศาสตร์ของอาเซียนและชิลีในการส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้ เพื่อบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในโลกหลายขั้วอำนาจ และ (3) นาย Diego Torres ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมชิลี (SOFOFA) กล่าวเรื่องบทบาทของภาคเอกชนในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างชิลีกับอาเซียน
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานฯ ได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองแบบค็อกเทลภายหลังการเสวนา ซึ่งเป็นโอกาสให้ชาวชิลีได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแนว “สตรีทฟู้ด” ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 5 ประเทศที่เป็นสมาชิก ACS ด้วย