สารจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก เนื่องในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่
สารจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก เนื่องในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่
วันที่นำเข้าข้อมูล 20 มิ.ย. 2567
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 20 มิ.ย. 2567
| 124 view
สารจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก เนื่องในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่
สวัสดีค่ะพี่น้องชาวไทยในชิลี ปานามา คอสตาริกา และเอลซัลวาดอร์ที่รักทุกคน
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ดิฉันได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมทูลลาในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรไทยประจำสาธารณรัฐชิลี ซึ่งนับเป็นสิริมงคลสูงสุดและเป็นความภาคภูมิใจสำหรับดิฉันเป็นอย่างยิ่ง โดยดิฉันได้เดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงซันติอาโกเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ
ในโอกาสนี้ ดิฉันจึงใคร่แนะนำตัวกับพี่น้องชาวไทยทุกคน และหวังว่า จะได้พบและทำความรู้จักกับทุกคนในโอกาสต่าง ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ค่ะ
ดิฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รับมอบหมายให้มาเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ต่อจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ของดิฉันในฐานะเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ เพราะนับว่าเป็นการเดินทางจากประเทศนอร์เวย์ ซึ่งตั้งอยู่ชิดขั้วโลกเหนือ มายังประเทศชิลีที่อยู่ติดขั้วโลกใต้ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสที่ดิฉันจะได้นำไปศึกษาพิจารณาส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศไทย กับประเทศที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากประเทศไทย แต่มีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในเชิงสร้างสรรค์อีกหลายด้าน
ดิฉันมองว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐชิลีมีความแน่นแฟ้นมากขึ้น คือ การส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและมีความหมายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยและคนชิลีต่างมีทัศนคติที่ดีต่อกันอย่างยิ่งทั้งสองฝ่าย มีลู่ทางในการส่งเสริมความเป็นsoft power ที่ดีงามของประเทศไทยในหลายด้าน คนชิลีชื่นชอบอาหารไทย การท่องเที่ยวในประเทศไทย และมวยไทย เป็นต้น ตลอดจนมีภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน เช่น สภาธุรกิจไทย-ชิลี จึงเป็นรากฐานและจุดแข็งที่สำคัญสำหรับการสานต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมีพลวัตมากขึ้น และเป็นที่น่ายินดีที่ในต้นเดือนสิงหาคม 2567 ชิลีจะเป็นเจ้าภาพการประชุม Political Consultations ไทย-ชิลี ครั้งที่ 7 ที่กรุงซันติอาโก โดยจะมีคณะผู้แทนไทยจากกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับโครงการนำคณะนักธุรกิจไทยเยือนลาตินอเมริกาหรือ Latin Link มาเยือนชิลี ซึ่งจะเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ประเทศไทยและชิลีมีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องมากขึ้น
แม้ว่าประเทศไทยและชิลีอาจตั้งอยู่ห่างไกลกัน ซึ่งแน่นอนเราย่อมอาจมองได้ว่า ระยะทางที่ห่างไกลกันนั้น เป็นความท้าทายของความร่วมมือ แต่ดิฉันอยากจะมองว่า ระยะทางที่ห่างไกลนั้น เราน่าจะนำมาเป็นการสร้างจุดแข็งของความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้นต่างหาก โดยประเทศไทยและชิลีมีศักยภาพในความร่วมมือในหลากหลายด้านและในเชิงสร้างสรรค์มาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการค้าการลงทุน การที่ประเทศไทยและชิลีมี Free Trade Agreement ระหว่างกัน ความร่วมมือด้านวิชาการ ความมั่นคงทางอาหาร ความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา Climate Change ไปจนถึงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ ซึ่งดิฉัน พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโกทุกคน มีความพร้อมและตั้งใจอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้ส่งเสริมและผลักดันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างประเทศไทยกับชิลีในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาล ระดับเอกชน และประชาชน เพื่อส่งผลให้มีความร่วมมือกันได้อย่างยั่งยืนและเป็นผลประโยชน์ร่วมกันสำหรับทั้งสองประเทศต่อไป
ดิฉันให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการให้การดูแล ความคุ้มครองในสวัสดิภาพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนไทยทุกคนในชิลี ปานามา คอสตาริกา และเอลซัลวาดอร์ ดิฉันตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่จะให้ความอบอุ่นใจแก่ชุมชนไทยทุกคน ให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโกเป็นที่พึ่งพิงของชุมชนไทย เพื่อช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขของชุมชนไทยทุกคนได้อย่างแท้จริง ดิฉันให้ความสำคัญกับชุมชนไทยอย่างยิ่ง เพราะทุกท่านเป็นตัวแทนของประเทศไทยและเป็น “หัวใจ” ของความสัมพันธ์ระดับประชาชนที่มีความหมายมากที่สุด
ดิฉันมีความยินดีที่จะแจ้งว่า ในวันที่ 3 – 6 กรกฎาคมนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้กราบนิมนต์พระอาจารย์มุฑิโตและพระ Regerio จากวัดสุทธวารี ประเทศบราซิล เดินทางมาเยือนชิลีเพื่อแสดงธรรมเทศนาให้แก่ชุมชนไทยและชาวชิลีที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยเป็นการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโกในด้าน Dhamma Diplomacy หรือวิถีธรรมทางการทูต เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนทางด้านจิตวิญญาณ หรือ spiritual connection เพื่อเสริมสร้างความสุขและสันติสุขในชุมชน จึงขอเรียนเชิญชุมชนไทยมาร่วมทำบุญและฟังธรรมที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ ในช่วงเวลาที่เป็นสิริมงคลแก่พวกเราชาวไทยและพุทธศาสนิกชนนี้ นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จะดำเนินโครงการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่คนไทยในชิลี เพื่อให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนไทยและเป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะได้สอบถามข้อกังวลหรือข้อสงสัยต่าง ๆ หากท่านมี ในการใช้ชีวิตและการทำงานของท่านในชิลี โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ท่านพึงตระหนักและรับทราบเพื่อรักษาประโยชน์ของท่านเองค่ะ
สุดท้ายนี้ ดิฉัน พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก ขอแสดงความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรักและความรับผิดชอบในหน้าที่อย่างดีที่สุดและเต็มความสามารถ เพื่อการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับชิลี ปานามา คอสตาริกา และเอลซัลวาดอร์ในทุกระดับ โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยและประเทศทั้งสี่ เพื่อประโยชน์ของมหาชนสืบต่อไป ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับไมตรีจิตและความร่วมมือที่ดีจากชุมชนคนไทยทุกท่านเช่นกันค่ะ
ด้วยความรักและความปรารถนาดี
วิมลพัชระ รักษาเกียรติ
เอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก