วันที่นำเข้าข้อมูล 19 ธ.ค. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 21 ธ.ค. 2566

| 335 view

การจดทะเบียนสมรส

 

1. การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ

  • บุคคลสัญชาติไทยที่พำนักในต่างประเทศ และประสงค์จะทำการสมรสตามแบบที่กำหนดไว้ตามกฎหมายไทย สามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ / สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ

2. คุณสมบัติของผู้ร้อง

  • ชายและหญิงต้องเป็นคนสัญชาติไทย หรือชายหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนสัญชาติไทย อีกฝ่ายเป็นคนต่างชาติ
  • ผู้ร้องทั้งสองฝ่ายต้องมาขอจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนด้วยตนเอง (ไม่สามารถจดทะเบียนทางไปรษณีย์ได้) และมีพยาน 2 คน
  • ต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขของกฎหมาย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5)

3. เอกสารประกอบการยื่นจดทะเบียนสมรส

  • ผู้ยื่นคำร้องทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ต้องยื่นเอกสารพร้อมสำเนา 1 ชุด ดังนี้

(1) บัตรประจำตัวประชาชน
(2) หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้การได้อยู่
(3) หนังสือรับรองความเป็นโสด (ตัวจริง) อายุไม่เกิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออก ถ้าเคยแต่งงาน / เคยหย่ามาก่อน ต้องมีหนังสือรับรองความเป็นโสดหลังหย่า หรือถ้าคู่สมรสเสียชีวิตต้องมีหนังสือรับรองความเป็นโสดที่มีข้อความระบุว่า หลังคู่สมรสเสียชีวิตแล้วไม่ได้แต่งงานอีก
(หมายเหตุ บุคคลสัญชาติไทยที่ไม่มีหนังสือรับรองความเป็นโสด สามารถเดินทางไปยื่นคำร้องมอบอำนาจที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อให้ญาติไปขอหนังสือรับรองโสดที่สำนักงานทะเบียนในประเทศไทยได้)
(4) ทะเบียนบ้านไทย
(5) ทะเบียนหย่า ในกรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายเคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน แต่ได้หย่าขาดแล้ว
(6) กรณีฝ่ายหญิงหย่าขาดมาน้อยกว่า 310 วัน ณ วันที่ยื่นขอจดทะเบียนสมรสใหม่จะต้องนำใบรับรองแพทย์ ระบุว่าไม่ได้ตั้งครรภ์มายื่นเพิ่มเติม 
(7) ในกรณีที่คู่สมรสเดิมเสียชีวิต ให้ยื่นสำเนามรณบัตรด้วย
(8) กรณีมีการเปลี่ยนชื่อ และ/หรือนามสกุล ให้นำเอกสารแสดงการเปลี่ยนแปลงชื่อดังกล่าวมาแสดง


4. คำนำหน้าชื่อหญิงไทยหลังการสมรส

  • หญิงไทยที่จดทะเบียนแล้ว จะสามารถใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจ โดยให้แจ้งต่อนายทะเบียนตามกฎหมาย ทั้งนี้เป็นไปตามความในพระราชบัญญัติคำนำหน้านามหญิง พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติฯ นี้ มีผลบังคับย้อนหลังไปถึงหญิงทุกคนที่จดทะเบียนสมรสก่อนวันที่พระราชบัญญัติฯ มีผลบังคับใช้ นายทะเบียนจะบันทึกเพิ่มเติมในหน้าบันทึกของทะเบียนสมรสระบุว่า ฝ่ายหญิงมีความประสงค์จะใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว”

5. การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส

  • ตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2548 กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส ดังนี้

(1) คู่สมรสสามารถใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชื่อรองได้เมื่อได้รับความยินยอมจากฝ่ายนั้นแล้ว (ไม่สามารถควบชื่อสกุลทั้งสองเข้าด้วยกันได้)
(2) คู่สมรสมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตนได้ การตกลงดังกล่าวนี้ จะกระทำเมื่อมีการสมรสหรือในระหว่างสมรสก็ได้ และคู่สมรสจะตกลงเปลี่ยนแปลงข้อความในภายหลังก็ได้
(3) เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายที่ใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
(4) เมื่อการสมรสสิ้นสุดด้วยความตาย ให้ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้นได้ต่อไป แต่เมื่อจะสมรสใหม่ ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน

  • ในระหว่างการจดทะเบียนสมรส คู่สมรสต้องแจ้งต่อนายทะเบียน (เจ้าหน้าที่กงสุล) ว่าตนประสงค์จะใช้ชื่อสกุลเดิมของตน หรือชื่อสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งนายทะเบียนจะบันทึกไว้บนหน้าบันทึกของทะเบียนสมรส
  • คู่สมรสทั้งสองฝ่ายจะต้องทำหนังสือข้อตกลง มีข้อความระบุชัดเจนว่า คู่สมรสจะใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใด ชื่อสกุลอะไร พร้อมลงลายมือชื่อของคู่สมรส และพยานรับรอง 2 คน ประกอบหลักฐานในการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อสกุล หากเป็นการดำเนินการในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่กงสุลต้องลงลายมือชื่อรับรองด้วย
  • กรณีคู่สมรสจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายท้องถิ่นซึ่งระบุการใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสให้ใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และมีการรับรองและแปลเป็นภาษาไทยตามระเบียบของทางราชการแล้ว สามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อสกุลได้ แต่หากการสมรสไม่ระบุการใช้ชื่อสกุล ถ้าคู่สมรสประสงค์จะใช้ชื่อสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง จะต้องทำเป็นหนังสือข้อตกลง พร้อมลงลายมือชื่อของคู่สมรส และพยานรับรอง 2 คน โดยเจ้าหน้าที่กงสุลไทยในประเทศนั้น ต้องลงลายมือชื่อรับรองด้วย

6. การดำเนินการภายหลังการสมรส

  • หลังจดทะเบียนสมรส หญิงไทยต้องไปยื่นคำร้องขอแก้ไขรายการบุคคล (คำนำหน้าชื่อ ชื่อสกุล) ในเอกสารทะเบียนราษฎร์ต่าง ๆ (ทะเบียนบ้านที่ตนมีชื่ออยู่ในประเทศไทย บัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือเดินทาง) ให้เรียบร้อยโดยเร็ว
  • หากไม่สะดวกที่จะเดินทางกลับไปดำเนินการในประเทศไทยด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นที่บรรลุนิติภาวะดำเนินการแทนได้ โดยทำเป็นหนังสือมอบอำนาจผ่านการรับรองจากเจ้าหน้าที่กงสุล 
  • การทำบัตรประชาชนใหม่ ผู้ร้องจำเป็นต้องไปดำเนินการด้วยตนเองที่อำเภอที่ตนมีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่สามารถมอบอำนาจให้กระทำการแทนกันได้ จึงควรต้องพิจารณาดำเนินการเมื่อเดินทางกลับประเทศไทยในโอกาสแรก

7. ข้อแนะนำ

  • การแก้ไขชื่อสกุลและคำนำหน้านามในทะเบียนบ้านไทยหลังสมรสมีความสำคัญและจำเป็นมาก เนื่องจากเมื่อท่านยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ หากยังไม่มีการแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ในเมืองไทย หมายความว่า สถานภาพหลังการสมรสยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่กงสุลไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในหนังสือเดินทางเก่าของท่าน หรือรับคำร้องทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ โดยเปลี่ยนคำนำหน้านาม หรือชื่อสกุลใหม่ของท่านได้โดยพลการ แม้จะมีหลักฐานการสมรสมาแสดงก็ตาม